Admin RDP Library RDPB
10 Nov 2025

พระวิสัยทัศน์กว้างไกล “สมเด็จพระพันปีหลวง” ทรงอนุรักษ์ “โขนไทย” เป็นสมบัติของชาติน่าภาคภูมิใจ

“...การจัดแสดงโขนไม่ใช่เรื่องง่าย คณะครูผู้เชี่ยวชาญการโขน ศิลปินแห่งชาติ ผู้แสดง และผู้จัดการแสดง ต่างก็ทุ่มเทฝีมือ ความคิด และแรงกายแรงใจ อย่างสุดกำลัง ทำให้โขนออกมาสนุก ตื่นเต้น และสวยงามมาก มีฉากที่สร้างอย่างยิ่งใหญ่...ทุกครั้งที่จัดการแสดงโขน คณะกรรมการจะคัดเลือกนักแสดงรุ่นใหม่มาเป็นผู้สร้างร่วม เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้มาฝึกฝนศิลปะการแสดงชั้นยอดของไทยจากปรมาจารย์โดยตรง เมืองไทยจะได้มีนักแสดงฝีมือดี สืบทอดวิชาต่อไป ขณะเดียวกัน ต้องมีการจัดสร้างเครื่องแต่งกาย และฉากใหม่ๆ ทำให้ได้ช่างฝีมือที่มีความสามารถเพิ่มขึ้นตามลำดับ รวมทั้งวงดนตรีปี่พาทย์ ผู้ขับร้อง และผู้พากย์บทด้วยเช่นกัน ขณะนี้จึงพอมีความหวังแล้วว่า “โขน” ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงชิ้นเอกของไทยคงไม่สูญหายไป...” พระราชดำรัสดังกล่าวของ “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ซึ่งพระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯถวายพระพรชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2554 คงพอสะท้อนได้ดีถึงพระวิสัยทัศน์กว้างไกลในการสืบสานศิลปะการแสดงของไทย เพื่อให้เป็นสมบัติของชาติ และอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานไทยได้ภาคภูมิใจ

 

พระวิสัยทัศน์กว้างไกล “สมเด็จพระพันปีหลวง” ทรงอนุรักษ์ “โขนไทย” เป็นสมบัติของชาติน่าภาคภูมิใจ

 

ทรงทำนุบำรุงนาฏศิลป์ชั้นสูงและดนตรีไทย “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” มีพระราชดำริในการทำนุบำรุง อนุรักษ์ สืบสาน และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมประจำชาติ ด้านนาฏศิลป์และดนตรีไทย ให้ดำรงอยู่อย่างยั่งยืน เพื่อให้คนไทยได้ภาคภูมิใจ อีกทั้งซาบซึ้งในคุณค่าแห่งนาฏศิลป์ไทย และเผยแพร่สู่ประชาคมโลกให้ได้เห็นถึงเกียรติภูมิของประเทศไทย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมศิลปากรจัดการแสดงโขนในโอกาสต่างๆ พร้อมพระราชทานพระราชดำริให้อนุรักษ์ศิลปะการแสดงโขนและเครื่องแต่งกายโขนไว้ อันเป็นที่มาของ “โขนในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ” และ “โขนศาลาเฉลิมกรุง”

 

พระวิสัยทัศน์กว้างไกล “สมเด็จพระพันปีหลวง” ทรงอนุรักษ์ “โขนไทย” เป็นสมบัติของชาติน่าภาคภูมิใจ

 

ทรงอนุรักษ์การแสดงโขนและลวดลายบนชุดโขนในฐานะที่เป็นศิลปะชั้นสูงของไทย เมื่อ “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ทรงทราบว่านาฏศิลป์ไทย โดยเฉพาะ “โขน” ซบเซาลง จึงมีพระราชดำริให้ฟื้นฟูและอนุรักษ์ “โขน” รวมถึงเครื่องแต่งกายของโขน ด้วยทรงเห็นว่าลวดลายปักมีความประณีตงดงาม ควรแก่การอนุรักษ์หัตถศิลป์ไทยไว้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมศิลปากรจัดการแสดงโขน ในโอกาสที่ทรงแปรพระราชฐานไปประทับ ณ พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร โดยได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ให้กรมศิลปากรนำไปปรับปรุงเครื่องแต่งกายโขนตามพระราชดำริ นอกจากนี้ “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ได้เสด็จฯไปทอดพระเนตรการแสดงของคณะโขนธรรมศาสตร์หลายครั้ง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่เยาวชน ที่มุ่งอนุรักษ์และสืบทอดการแสดงโขนของไทยไว้

 

พระวิสัยทัศน์กว้างไกล “สมเด็จพระพันปีหลวง” ทรงอนุรักษ์ “โขนไทย” เป็นสมบัติของชาติน่าภาคภูมิใจ

 

จุดกำเนิดโขนในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ “สมเด็จพระบรมราชชนนี พันปีหลวง” ทรงสนับสนุนการแสดงโขนมาอย่างต่อเนื่อง มีพระราชเสาวนีย์ให้จัดสร้างเครื่องแต่งกายโขนขึ้นใหม่อย่างประณีตงดงาม พร้อมทั้งให้ปรับปรุงวิธีการแต่งหน้าตัวละครโขนกับนักแสดงที่สวมชฎาและเปิดเห็นใบหน้าให้เหมาะกับเทคโนโลยีการแสดงสมัยใหม่ ตลอดจนปรับวิธีการเดินเรื่องให้สั้นกระชับ พัฒนาฉากและแสงสีเสียงให้ดึงดูดใจ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดแสดงโขนในชุด “พรหมมาศ” ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และชุด “นางลอย” ในเวลาต่อมา ซึ่งทั้งสองชุดได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไปอย่างมาก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดการแสดงชุด “ศึกมัยราพณ์” ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554

 

พระวิสัยทัศน์กว้างไกล “สมเด็จพระพันปีหลวง” ทรงอนุรักษ์ “โขนไทย” เป็นสมบัติของชาติน่าภาคภูมิใจ

 

การจัดแสดงโขนแต่ละครั้งต้องใช้บุคลากรผู้เชี่ยวชาญ ใช้เวลาเตรียมการยาวนาน และใช้กำลังทรัพย์จำนวนมาก แต่เป็นสิ่งที่คุ้มค่า เนื่องจากการแสดงทุกครั้งสามารถผลิตและสร้างงานให้เยาวชนรุ่นใหม่ ทั้งช่างปัก ช่างเขียนฉาก ช่างทำหัวโขน ช่างทำเครื่องประดับ การร้อง การรำ รวมถึงได้มีการคัดเลือกนักแสดงรุ่นใหม่ ซึ่งจะเป็นผู้สืบทอดศิลปะการแสดงโขน เป็นการส่งเสริมให้เยาวชนรุ่นหลังได้ร่วมอนุรักษ์สมบัติของชาติ

สิ่งที่ “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ทรงปลาบปลื้มพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่งคือ สังคมไทยให้ความสนใจการแสดงโขนมาก มีผู้ชมตั้งแต่รุ่นเยาว์จนถึงผู้สูงอายุ และมากันเป็นครอบครัว ดังพระราชดำรัสพระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯถวายพระพรชัยมงคล ณ ศาลาดุสิดาลัย พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2552 ความตอนหนึ่งว่า

 

พระวิสัยทัศน์กว้างไกล “สมเด็จพระพันปีหลวง” ทรงอนุรักษ์ “โขนไทย” เป็นสมบัติของชาติน่าภาคภูมิใจ

 

“...เครื่องแต่งกายโขนเมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วสวยงามเหลือเกิน...การแสดงโขนครั้งนี้ไม่ใช่จะประสบความสำเร็จเพียงแค่ได้เผยแพร่ศิลปะการแสดงชั้นสูงของไทยเราเท่านั้น แต่ยังเกิดสิ่งที่มีคุณค่าเพิ่มขึ้นมาอีก คือพวกเราได้สร้างช่างฝีมือรุ่นใหม่เอี่ยมขึ้นมา รุ่นใหม่ที่เข้าใจถ่องแท้ถึงศิลปะการสร้างเครื่องแต่งกายโขน และได้เห็นความผูกพันอย่างใกล้ชิดแบบสังคมไทยสมัยโบราณ ลูกหลานจูงพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย คนแก่ในบ้าน ไปดูโขนครั้งนี้ ได้เห็นการแสดงความรัก เอื้ออาทรต่อกันในครอบครัว ก็เป็นภาพที่สร้างความสุขใจแก่ผู้พบเห็นทุกคน...”

“โขนเฉลิมกรุง” นาฏกรรมชั้นสูงสู่สายตาชาวโลก แนวพระราชดำริด้านการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยของ “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ได้จุดประกายให้บุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมฟื้นฟูศิลปะการแสดงและวัฒนธรรมไทยอย่างคึกคัก อาทิ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มูลนิธิศาลาเฉลิมกรุง และการท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย ได้ร่วมกันจัดทำโครงการ “โขนศาลาเฉลิมกรุง” เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในมหามงคลสมัยที่ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และเพื่อร่วมทำนุบำรุงนาฏศิลป์ชั้นสูงของไทยให้เป็นที่ประจักษ์สู่สายตาประชาชนชาวไทยและประชาคมโลก รวมทั้งเป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของชาติด้วย โดยจัดแสดงมาอย่างต่อเนื่อง ณ ศาลาเฉลิมกรุง ซึ่งเป็นโรงมหรสพหลวงที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ

 

พระวิสัยทัศน์กว้างไกล “สมเด็จพระพันปีหลวง” ทรงอนุรักษ์ “โขนไทย” เป็นสมบัติของชาติน่าภาคภูมิใจ

 

ทรงเผยแพร่ศิลปะการแสดงชั้นสูงของไทยสู่ต่างประเทศ ในโอกาสที่ “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” เป็นผู้แทนพระองค์เสด็จฯไปทรงเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ทรงจัดการแสดงพระราชทานแก่ประเทศเจ้าภาพ ซึ่งเป็นการแสดงที่ยิ่งใหญ่สวยงามตระการตา แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองด้านศิลปวัฒนธรรมของไทย ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน โดยมีไฮไลต์อยู่ที่การแสดงชุดกวนเกษียรสมุทร หรือการเล่นชักนาคดึกดำบรรพ์ ซึ่งเป็นการแสดงเก่าแก่ที่สืบทอดมายาวนาน นอกจากนี้ ยังได้พระราชทานการแสดงชุดกวนเกษียรสมุทร ให้คนไทยได้ชื่นชมอีก 2 ครั้ง คือในงานประกวดผ้าไหม ณ จังหวัดสกลนคร และงานพระราชทานเลี้ยงลูกเสือชาวบ้าน ณ จังหวัดเชียงใหม่

เพื่อเป็นการสืบสานพระราชปณิธานในการอนุรักษ์และทำนุบำรุงรักษานาฏศิลป์อันทรงคุณค่าของชาติให้มีผู้สืบทอดต่อไปอีกนานเท่านาน มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นโต้โผใหญ่จัดการแสดง “โขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ” เรื่อง “รามเกียรติ์” ตอน “สัตยาพาลี” ระหว่างวันที่ 6 พฤศจิกายน ถึง 8 ธันวาคม 2568 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย  เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้ชื่นชมความงดงามของศิลปะดั้งเดิมของไทยหลากหลายแขนงที่รวมกันอยู่ในการแสดงโขน

 

พระวิสัยทัศน์กว้างไกล “สมเด็จพระพันปีหลวง” ทรงอนุรักษ์ “โขนไทย” เป็นสมบัติของชาติน่าภาคภูมิใจ

 

การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯครั้งนี้ จัดทำขึ้นในตอน “สัตยาพาลี” เป็นเรื่องราวของพญาพาลีวานร กษัตริย์วานรแห่งเมืองขีดขิน ที่เสียสัจจะเพราะความหลงผิด แต่ภายหลังมีความสำนึกผิด ผลจากการเสียสัตย์ของพาลีนำพาสู่เรื่องราวมากมาย ที่จะให้ความบันเทิงครบทุกอรรถรส อีกทั้งให้ข้อคิดเรื่องการรักษาสัจจะ รวมทั้งด้านคุณธรรม ความกตัญญู ความซื่อสัตย์ รู้รักสามัคคี และรู้จักหน้าที่พึงปฏิบัติ

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ทรงอุปถัมภ์ฟื้นฟูโขน นาฏศิลป์ และดนตรีไทย เพื่อทำนุบำรุงรักษาศิลปะการแสดงอันทรงคุณค่า ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทย ไว้ให้ลูกหลานไทยได้ภาคภูมิใจ.

..........................................

 

ข้อมูลโดย ไทยรัฐออนไลน์ 9 พ.ย. 2568 05:01 น.